ภูฏาน ดินแดนแห่งมังกรสายฟ้า 

ประเทศภูฏาน เริ่มสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่ของชีวิต ณ ประเทศ ที่น้อยคนจะมีโอกาสเยือน “ภูฏาน (Bhutan)”  ดินแดนที่เล่าขานจากตำนานในอดีตสู่เรื่องราวในปัจจุบัน ดินแดนแห่งขุนเขาอันลึกลับแห่งนี้เป็นที่สนใจของเหล่าผู้คนที่อยากค้นหาเสน่ห์แห่งความงดงามของธรรมชาติและความสงบสุขที่มิสามารถเปรียบเทียบกับที่อื่นใดในโลก กลิ่นอายของวัฒนธรรม และประเพณีที่สืบทอดกันมาจากรุ่นหนึ่งสู่รุ่นหนึ่งยังคงมีให้เห็นเป็นรูปธรรม ศิลปะและสถาปัตยกรรมภูฏานที่มีเอกลักษณ์และรูปแบบเฉพาะตัว มีปรากฏอยู่ให้เห็นทั่วทุกหนทุกแห่ง รอยยิ้มแห่งความเป็นมิตรที่จริงใจและใสซื่อบริสุทธิ์ของผู้คนที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป…และนี่เองที่ทำให้ภูฏานแตกต่างจากทุกๆ ที่ในโลกใบนี้


วัฒนธรรมของชาวภูฏานทั้งการแต่งกายด้วยชุดประจำชาติ โดยผู้ชายจะแต่งชุดที่เรียกว่า โค (Kho) ส่วนผู้หญิงจะแต่งชุดที่เรียกว่า คีรา (Kira), วัฒนธรรมการอยู่การกิน การใช้ชีวิตที่ผสมกลมกลืนกับธรรมชาติได้อย่างลงตัว ชวนเพลิดเพลินกับการชมของที่ระลึกพื้นเมืองต่างๆ เช่น ผ้าทอภูฏาน เครื่องประดับเงิน ภาพพระบฏ (Thangka) งานไม้แกะสลัก หนังสือหรือแสตมป์ที่ระลึกในรูปแบบต่างๆ ภูฏานจัดเป็นประเทศ “เจ้าแห่งแสตมป์” แห่งหนึ่งของโลก แสตมป์ของภูฏานจะมีให้เลือกในรูปแบบและราคาที่หลากหลายทั้งรูปวิวทิวทัศน์ธรรมชาติ รูปวัดและพระราชวัง (ซอง) รูปกษัตริย์และพระราชินี รูปสัตว์ รูปดอกไม้ต่างๆ รวมทั้งยังมีแสตมป์แบบ 3 มิติ อีกด้วย

แนะนำเมืองสำคัญและสถานที่ท่องเที่ยวภูฏานที่ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง

เมืองพาโร (Paro)

พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติในเมืองพาโร ซึ่งในอดีตเคยเป็นป้อมปราการหรือตาซอง (TaDzong) แต่ถูกเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ในปี ค.ศ.1968 มีทั้งหมด 6 ชั้น พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นที่เก็บรวบรวมเครื่องแต่งกาย อาวุธ เหรียญกษาปณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ไม้สอย สัตว์ป่าในแถบเทือกเขาหิมาลัย ตลอดจนดวงตราไปรษณีย์ที่สวยงามมากมายหลายรูปแบบ

พาโรซอง (Paro Rinpung Dzong) 

สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1645 ถูกสร้างบนพื้นที่ซึ่งเด่นตระหง่านอยู่ในหุบเขาพาโร ทางเข้าตัวซองจะมีสะพานไม้ที่สวยงามพาดผ่านแม่น้ำเพื่อเข้าสู่ตัวซอง ที่นี่ยังเคยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Little Buddha อีกด้วย ปัจจุบันพาโรซองเป็นทั้งสถานที่สำหรับส่วนบริหารเมืองพาโร และส่วนที่เป็นวัดสำหรับให้พระสงฆ์จำพรรษา

วัดคิชู (Kyichu Lhakhang) 

ประกอบด้วยโบสถ์ 2 หลัง หลังเก่าได้สร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าซองเซินกัมโป กษัตริย์แห่งทิเบต

วัดทักซัง หรือ วัดถ้ำเสือ

วัดถ้ำเสือ ( Tiger’s Nest ) หรือ วัดทักซัง (Taktsang Monastery) ชื่อทักซังนี้มีความหมายว่า เป็นที่อยู่ของเสือ ซึ่งตั้งตามตำนานความเชื่อเก่าของวัดแห่งนี้กล่าวไว้ว่า เมื่อครั้ง ที่ท่านคุรุรินโปเชเข้าเผยแผ่ธรรมะในดินแดนแห่งนี้ ท่านได้แปลงร่างเป็นพญาครุฑขี่หลังเสือ ซึ่งเสือตัวนั้นก็คือร่างที่แปลงมาจากภรรยาของท่านได้เหาะเหินขึ้นมาจำศีลภาวนา ณ ถ้ำเล็กๆบนหน้าผาแห่งนี้เป็นเวลากว่า 3 เดือน ต่อมาให้มีการสร้างวัดเพื่อให้พระมาปฏิบัติธรรมอยู่อาศัยและสร้างต่อๆมาถึง 13 อาคาร ซึ่งอาคารเหล่านี้เคยถูกไฟไหม้หลายหนแต่ก็บูรณะขึ้นมาใหม่ วัดทักซัง  หรือวัดถ้ำเสื้อ เป็นวัดที่งดงามมีทิวทัศน์ธรรมชาติที่รายล้อมหน้าผาสูงชัน ชาวภูฏานและผู้มาเยือนจากต่างแดนต่างก็ล้วนไปกราบสักการะขอพรต่อสิ่ง
ศักดิ์สิทธิ์์  และพระโพธิสัตว์ต่างๆ โดยเฉพาะท่านคุรุรินโปเชหรือท่านปัทมสัมภาวะผู้ที่ได้รับการนับถืออย่างมากและได้ชื่อว่าเป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่สองของชาวภูฏาน

เมืองทิมพู (Thimphu) 

เมืองหลวงของประเทศภูฏาน ท่านจะได้ตื่นตาตื่นใจไปกับสถาปัตยกรรมของสิ่งปลูกสร้างที่มีรูปแบบและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของภูฏาน เมืองหลวงแห่งนี้เป็นเมืองหลวงเพียงแห่งเดียวในโลกที่ไม่มีสัญญาณไฟจราจร โดยทางการภูฏานจะให้ตำรวจจราจรมาคอยยื่นโบกมือให้สัญญาณเท่านั้น

วัดตัมโช

วัดตัมโช (Tamchoe Monastery) ซึ่งมีสะพานเหล็กทอดไปอีกฝั่งของแม่น้ำ เป็นวัดที่สร้างโดยพระลามะที่เดินทางมาจากทิเบตต้องการมาหาแร่เหล็ก และท่านเป็นผู้คิดค้นการทำโซ่เหล็กเป็นครั้งแรก

วัดชังกันคา

วัดชันกังคา (Changangkha Lhakhang) วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของเมืองทิมพูที่มีชื่อเสียงอย่างมาก ซึ่งครอบครัวชาวภูฏานนิยมนำเด็กเล็กๆมากราบไหว้ขอพรและตั้งชื่อให้กับเด็ก เพื่อให้มีเด็กมีสุขภาพแข็งแรงและไม่ฝันร้ายในยามนอนหลับ ภายในอาคารวิหารมีจิตรกรรมฝาผนังที่เก่าแก่เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับพระโพธิสัตว์ในพุทธศาสนานิกายวัชรยาน


มหาสถูป Memory Chorten

Memorial Chorten หรือ มหาสถูปที่พระเจ้า จิกมี ดอร์จี วังชุก ซึ่งเป็นพระชนกของกษัตริย์องค์ปัจจุบัน (สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก) พระองค์เป็นกษัตริย์องค์ที่ 3 ที่ปกครองภูฏาน ในช่วงปี ค.ศ. 1952–1972 และทรงได้รับพระฉายาว่า “พระบิดาแห่งภูฏานยุคใหม่” (King of Modernization) มีประสงค์จะสร้างเพื่อเป็นการถวายเป็นพุทธบูชาแทนสัญลักษณ์ กาย วาจา และใจของพุทธศาสนาแต่ท่านได้เสียชีวิตลงเสียก่อน สมเด็จพระราชินีจึงได้ดำเนินการสร้างต่อจนแล้วเสร็จ

วัดแม่ชีซิลูคา (Zilukha Nunnery) 

วัดแม่ชีซิลูคา เป็นวัดแห่งเดียวในทิมพูที่มีแม่ชีจำวัดและศึกษาพระธรรมอยู่

เขตอนุรักษ์สัตว์ตาคิน (Takin Zoo)

เขตอนุรักษ์สัตว์ตาคิน (Takin Zoo) ตาคินเป็นสัตว์ที่หายาก สามารถพบได้เฉพาะที่ภูฏานในระดับความสูง 3000 เมตรขึ้นไป


ทาชิโชซอง

ทาชิโชซอง ( Tashicho Dzong ) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองหลวงทิมพู ซองแห่งนี้มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามและใหญ่โต ปัจจุบันถูกใช้แยกเป็นส่วนต่างๆเช่น สถานที่ทำงานของพระมหากษัตริย์ สถานที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชในช่วงฤดูร้อน ตลอดจนที่ทำการของรัฐบาลและรัฐสภา เป็นต้น

ดอร์ชูลา (Dorchula Pass) เป็นจุดที่มีความสูง 3,150 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เป็นช่องเขาที่สามารถมองเห็นเทือกเขาหิมาลัยได้ ในบางวันอาจเห็นทะเลหมอกปกคลุมอยู่ทั่วไป โดยเป็นที่ตั้ง ของมหาสถูป108 องค์

เมืองปูนาคา 

อดีตราชธานีของภูฏาน ตั้งแต่ปีค.ศ. 1639–1955 ซึ่งสร้างและปกครองโดยชับดรุง งาวัง นัมเกล (Shabdrung Ngawang Namgyal) เป็นพระลามะทิเบตที่ธุดงค์มาถึงภูฏาน

ปูนาคาซอง

ปูนาคาซอง ใช้เป็นที่ประทับของพระสังฆราชในช่วงฤดูหนาว เนื่องจากที่ปูนาคามีอากาศไม่หนาวเย็นจนเกินไป ด้วยเหตุที่เมืองมีที่ตั้งอยู่ที่ความสูง 1,320 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลเท่านั้น ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับเมืองอื่นๆแล้ว ที่นี่จึงมีอากาศอบอุ่นกว่าเมืองอื่น และทำเลที่ตั้งของปูนาคาซองเป็นจุดที่แม่น้ำโพ (Po Chu) และแม่น้ำโม(Mo Chu) ซึ่งหมายถึง แม่น้ำพ่อและแม่น้ำแม่ไหลมาบรรจบกันพอดี

Top